กัญชง มีประโยชน์อย่างไร
จากข่าวกรณีคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต
จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 เฉพาะกัญชง หรือเฮมพ์ (Hemp)
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอเพื่อใช้ประโยชน์ในครัวเรือนและเชิงอุตสาหกรรม
โดยระยะ 3 ปีแรกจะให้เฉพาะ “หน่วยงานรัฐ”
เป็นผู้ขออนุญาตผลิต จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครอง
และให้คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษประเมินผล
เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาความเหมาะสมที่จะอนุญาตให้บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลยื่นขออนุญาต
โดยสาระสำคัญของกฎหมายคือ สายพันธุ์กัญชงต้องมีปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol
หรือ THC) ไม่เกินร้อยละ 1.0 ต่อน้ำหนักแห้ง(1-3) นั้น
หลายคนคงสงสัยว่ากัญชงกับกัญชานั้นต่างกันอย่างไร
และมีประโยชน์ด้านใดบ้างที่ทำให้รัฐบาลส่งเสริมให้มีการปลูกอย่างเป็นทางการ
หลายคนมักเข้าใจผิดคิดว่า
ต้นกัญชงก็คือกัญชา แต่ความจริงแล้วต้นกัญชงแค่มีลักษณะคล้ายคลึงกับต้นกัญชาในด้านลักษณะทางพฤกษศาสตร์
แต่ไม่ใช่พืชที่เป็นสารเสพติดเหมือนกัญชา เพราะมีสาร THC ในปริมาณน้อยกว่ามากจึงไม่มีผลทำให้เกิดมึนเมาหรือเสพติด
แต่มีประโยชน์ในด้านการแพทย์และอื่น ๆ เช่น ต้นกัญชงเป็นพืชที่สามารถนำมาแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการถักทอผ้าที่มีคุณภาพดี
ลักษณะของกัญชงกับกัญชามีความแตกต่างกันดังนี้
กัญชง
ชื่อภาษาอังกฤษ Hemp
ชื่อวิทยาศาสตร์ Cannnabis sativa L. Subsp. Sativa
มีลำต้นสูงมากกว่า 2 เมตร
ปล้องหรือข้อยาว แตกกิ่งก้านน้อยและแตกกิ่งไปในทิศทางเดียวกัน
เปลือกเหนียวลอกง่าย ให้เส้นใยยาวมีคุณภาพสูง
แผ่นใบเป็นสีเขียวอมเหลือง ใบมีแฉกประมาณ 7-9 แฉก
การเรียงตัวของใบค่อนข้างห่าง
เมื่อออกดอกจะมียางที่ช่อดอกไม่มาก
เมล็ดมีขนาดใหญ่และเป็นลายบ้าง ผิวเมล็ดหยาบด้าน
ใบเมื่อนำมาสูบจะมีกลิ่นหอมน้อย ทำให้ผู้เสพปวดศีรษะ
มีสาร tetrahydrocannabinol
(THC) น้อยกว่า 0.3%
การปลูกระยะห่างระหว่างต้นจะแคบ
เพราะปลูกเพื่อต้องการเส้นใยเพียงอย่างเดียว
กัญชา
ชื่อภาษาอังกฤษ Marijuana
ชื่อวิทยาศาสตร์ Cannabis sativa L. Subsp. indica (Lam.) E. Small & Cronquist
มีความสูงไม่ถึง 2
เมตร
ปล้องหรือข้อสั้น แตกกิ่งก้านมากและแตกกิ่งเป็นแบบสลับ
เปลือกไม่เหนียว ลอกได้ยาก ให้เส้นใยสั้นมีคุณภาพต่ำ
แผ่นใบเป็นสีเขียวถึงเขียวจัด ใบมีประมาณ 5-7 แฉก
การเรียงตัวของใบจะชิดกัน
เมื่อออกดอกจะมียางที่ช่อดอกมาก
เมล็ดมีขนาดเล็ก ผิวเมล็ดมันวาว
ใบเมื่อนำมาสูบจะมีกลิ่นหอมคล้ายหญ้าแห้ง
มีสาร tetrahydrocannabinol
(THC) ประมาณ 1-10%
การปลูกระยะห่างระหว่างต้นจะกว้าง เพราะปลูกเพื่อต้องการใบ
สรรพคุณทางยาของกัญชง
กัญชงสามารถใช้ในการรักษาโรคได้ โดยมีข้อมูลในการใช้จากส่วนต่าง ๆ ดังนี้
· ส่วนของใบ
มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงโลหิต
ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สดชื่น ช่วยให้นอนหลับสบาย ช่วยรักษาอาการวิงเวียนศีรษะ
ปวดศีรษะหรือไมเกรน และช่วยแก้กระหาย ใช้รักษาโรคท้องร่วง โรคบิด
และช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด คลายกล้ามเนื้อ รักษาโรคเกาต์
ส่วนของเมล็ด
ภูมิปัญญาของชาวม้งจะใช้เมล็ดสดเป็นยาสลายนิ่ว โดยนำมาเคี้ยวสด ๆ
ประโยชน์ของกัญชงในด้านต่าง ๆ
1. เปลือกจากลำต้นให้เส้นใยเพื่อนำไปใช้ทำเป็นเส้นด้ายและเชือก
ใช้สำหรับการทอผ้า ทำเครื่องนุ่งห่ม ฯลฯ นอกจากนี้ยังใช้ในพิธีกรรมต่าง ๆ
และใช้เป็นรองเท้าของคนตายเพื่อเดินทางไปสู่สวรรค์
ใช้ทำเป็นด้ายสายสิญจน์ในพิธีกรรมต่าง ๆ และใช้ในพิธีอัวเน้งหรือพิธีเข้าทรง
ซึ่งเป็นงานประเพณีสำคัญของชาวม้ง
2. เนื้อของลำต้นที่ลอกเปลือกออกแล้วสามารถนำมาผลิตเป็นกระดาษได้
3. แกนของต้นกัญชงจะมีคุณสมบัติในการดูดซับกลิ่น น้ำหรือน้ำมันได้ดี
ในต่างประเทศนิยมนำไปผลิตเป็นพลังงานชีวมวลในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ถ่านไม้,
Alcohol, Ethanol, Methanol นอกจากนี้แกนกัญชงยังถูกนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการตกแต่งอาคารและเฟอร์นิเจอร์
4. เมล็ดใช้เป็นอาหารของคนและนก
เมล็ดกัญชงที่เก็บได้สามารถนำมาสกัดเอาน้ำมันมาใช้ในการปรุงอาหารได้
ซึ่งจากการศึกษาพบว่า ในน้ำมันจากเมล็ดนั้นมีโอเมก้า 3 สูงมาก
นอกจากนี้ยังมีโอเมก้า 6, โอเมก้า 9, linoleic acid,
alpha- และ gamma-linolenic acid และสารในกลุ่มวิตามิน
เช่น วิตามินอี ซึ่งเมื่อบริโภคแล้วจะมีประโยชน์ต่อการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
และช่วยลดการเกิดโรคมะเร็งในร่างกายได้
5. น้ำมันจากเมล็ดสามารถไปผลิตเป็นน้ำมันซักแห้ง ทำสบู่ เครื่องสำอาง
ครีมกันแดด แชมพู สบู่ โลชั่นบำรุงผิว ลิปสติก ลิปบาล์ม
หรือแม้กระทั่งเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง
และถูกพัฒนาเป็นตำรับครีมน้ำมันกัญชงที่ให้ความชุ่มชื้นและช่วยบำรุงผิวแห้งเพื่อรักษาโรคผิวแห้งคันและสะเก็ดเงินที่ได้ผลดี
6. เมล็ดนอกจากจะให้น้ำมันแล้ว ยังพบว่ามีโปรตีนสูงมากอีกด้วย
โดยสามารถนำมาใช้ในการทำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้มากมาย เช่น เนย ชีส เต้าหู้
โปรตีนเกษตร นม ไอศกรีม น้ำมันสลัด อาหารว่าง อาหารเสริม ฯลฯ
หรือผลิตเป็นแป้งทดแทนถั่วเหลืองได้เป็นอย่างดี ซึ่งในอนาคตอาจใช้เป็นทางเลือกในการบริโภคแทนถั่วเหลืองซึ่งเป็นพืช
GMOs ได้
7. ในส่วนของใบก็สามารถนำไปใช้ทำประโยชน์ได้หลายอย่าง ตั้งแต่เป็นอาหาร
ยารักษาโรค เครื่องสำอาง รวมไปถึงการนำใบมาเป็นชาเพื่อสุขภาพ
นำมาเป็นผงผสมกับสารอาหารอื่น ๆ เพื่อผลิตเป็นอาหารเสริม ผลิตเป็นอาหารโดยตรงอย่างเส้นพาสต้า
คุกกี้ หรือขนมปัง ใช้ทำเบียร์ ไวน์ ซอสจิ้มอาหารต่าง ๆ
และยังใช้ประโยชน์โดยนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางที่มีคุณสมบัติช่วยดูแลผิวพรรณ
ทำให้ผิวชุ่มชื้น เหมาะกับผิวแพ้ง่าย ผิวบอบบาง
8. ในประเทศญี่ปุ่นมีการปลูกต้นกัญชงเพื่อกำจัดกัมมันตภาพรังสีให้สลายตัวที่จังหวัดฟูกูชิมะ
และสารกัมมันตภาพรังสีรั่วจากโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ระเบิดจากสึนามิ
ซึมลงดินจนไม่สามารถทำการเกษตรได้
9. กัญชงจัดเป็นเส้นใยมงคลที่ชาวญี่ปุ่นนิยมนำมาตัดกิโมโน
เพราะเป็นผ้าที่มีความทนทานนับร้อยปี
เอกสารอ้างอิง
ภก.สิกขวัฒน์ นักร้อง คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
1) ย้ำ! รัฐปลูกกัญชง 3 ปีแรก
ชาวบ้านยังไม่มีสิทธิ์ปลูก: http://www.dailynews.co.th/regional/545667
2) ดีเดย์! อนุมัติ 6 จว.ปลูก 'กัญชง' ได้ 'กระท่อม-กัญชา' รอก่อน. http://www.dailynews.co.th/regional/545295
3) หนุนปลูกกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจ-รัฐปลูก 3 ปีแรก ชาวบ้านยังไม่มีสิทธิ์. http://www.komchadluek.net/news/crime/254083
4) กัญชง สรรพคุณและประโยชน์ของต้นกัญชง 14 ข้อ!. https://medthai.com/กัญชง/
เปิดขั้นตอนขอปลูก กัญชง ให้ถูกกฎหมายหลังปลดล็อก
ภายหลังจากที่รัฐและกระทรวงสาธารณสุขได้ลงนามในกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เฉพาะกัญชง (Hemp) พ.ศ. 2563 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม 2564
ล่าสุดพบว่าในหลายพื้นที่หลายจังหวัดมีผู้สนใจประสงค์จะขอปลูกกัญชง โดยกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า ในภาพรวมของทั้งประเทศ มีผู้สนใจขอทราบรายละเอียดและรับคำแนะนำทั้งหมด 705 ราย ยื่นคำขออนุญาตฯเบื้องต้น 2 ราย
ทั้งนี้ผู้ที่ประสงค์จะปลูกกัญชง ควรศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกฎหมายและหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับการอนุญาต และคู่มือผู้ประกอบการในการขออนุญาต โดยจะมี10 ข้อควรรู้ในการขออนุญาตปลูกกัญชง ดังต่อไปนี้
1. พื้นที่ปลูกอยู่จังหวัดไหน ให้ยื่นขอที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนั้น โดยสามารถยื่นขอได้ตลอดปี และขั้นตอนการอนุญาตประมาณ 120 วัน นับแต่วันที่หลักฐานครบถ้วนและยื่นชำระเงินค่าคำขออนุญาต ดังนั้นผู้ขออนุญาตควรวางแผนการยื่นคำขออนุญาตให้สอดคล้องเช่น ยื่นคำขออนุญาตเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อปลูกเดือนกรกฎาคม เป็นต้น
2. การขออนุญาตปลูกกัญชง เช่น เพื่อประโยชน์เชิงพาณิชย์หรืออุตสาหกรรม ไม่จำกัดพื้นที่ จะขออนุญาตพื้นที่เท่าไรก็ได้
3. เอกสารสิทธิ์ที่ดินในการขออนุญาตต้องชอบด้วยกฎหมาย ไม่บุกรุกป่า เช่น โฉนด หรือ นส. 3 ก หากผู้ขอไม่ได้เป็นเจ้าของจะต้องมีหนังสือยินยอมให้ใช้พื้นที่เพื่อผลิตยาเสพติดให้โทษตามแบบฟอร์มที่กำหนด
ทั้งนี้ แบบภ.บ.ท.5 และภ.บ.ท. 6 ไม่ถือเป็นเอกสารถือครองที่ดิน ไม่สามารถใช้ขออนุญาตได้***
4. สถานที่ปลูก ต้องมีแนวเขตพื้นที่ปลูกที่เห็นได้ชัด แยกจากการปลูกพืชชนิดอื่นเป็นสัดส่วนชัดเจน
5. มีมาตรการรักษาความปลอดภัยในบริเวณพื้นที่ปลูกพื้นที่เก็บรักษาเมล็ดพันธุ์หรือกัญชงหลังการเก็บเกี่ยวและแยกเก็บกัญชงเป็นสัดส่วนไม่ปะปนกับวัตถุอื่น
6. ถ้าพื้นที่ปลูกตั้งอยู่ในเขตชุมชน สถานที่ท่องเที่ยวและสถานศึกษาต้องมีระบบป้องกันการเข้าถึงจากบุคคลภายนอก เช่น รั้วลวดหนาม ปิดกั้นทั้ง 4 ด้านของพื้นที่ปลูก จำกัดประตูทางเข้าออกพื้นที่จำเป็น
7. กำหนดบัญชีรายชื่อบุคคลผู้มีสิทธิ์ เข้า-ออก พื้นที่ปลูกกำหนดและผู้รับผิดชอบเฉพาะเป็นผู้ควบคุมในกิจกรรมเป็นลายลักษณ์อักษร
8. ผู้ขออนุญาตหรือผู้ดำเนินการ ต้องมีหนังสือผลการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยยื่นขอที่สถานีตำรวจภูธรที่มีภูมิลำเนาอยู่
10. การปลูกเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์หรือผลิตภัณฑ์สุขภาพ ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐานการเกษตร เช่น การวิเคราะห์คุณภาพของดินและน้ำ การตรวจสารปนเปื้อนยาฆ่าแมลงโลหะหนัก และจัดให้มีระบบติดตามจากต้นทางสู่ปลายทาง และตรวจสอบย้อนกลับเพื่อควบคุมกำกับดูแลให้เป็นไปตามที่ได้รับอนุญาต
โดยผู้ที่ประสงค์จะขออนุญาตปลูกกัญชง สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มคำขออนุญาตได้ที่ กองควบคุมวัตถุเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
คลิกที่นี่
อ้างอิง:
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น